Hot News!
-
ลำปาง – พล.อ.ประวิตร ให้ สทนช.และกรมชลประทาน แก้ปัญหาแม่น้ำวังตอนล่าง จ.ตาก แห้งลง
วันพุธ ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2564 เวลา 20:21 น.วันที่ 31 มีนาคม 2564 เวลา 15.00 น. ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) พร้อมด้วย ดร.วัชระ เสือดี รักษาการในตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมชลประทาน (ด้านบำรุงรักษา) กรมชลประทาน พร้อมคณะ ลงพื้นที่ จ.ลำปาง ติดตามสถานการณ์น้ำ และการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำวัง โดยได้เดินทางมาประชุมร่วมกับ นายทินกร เหลือล้น ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 2 , นายธีระเทพ เทพสุยะ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานลำปาง , นายชัยธวัช ศิวบวร หัวหน้าสำนักงานป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลำปาง และ นายจรัสพันธ์ อรุณคง หัวหน้าสำนักงานป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตาก ได้เดินทางมาประชุมร่วม ที่ห้องประชุมโครงการส่งน้ำ และบำรุงรักษากิ่วลม - กิ่วคอหมา จ.ลำปาง
โดย ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยในปัญหาภัยแล้งบริเวณลุ่มน้ำวังตอนล่างในพื้นที่ อ.สามเงา และ อ.บ้านตาก จ.ตาก ซึ่งชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน ขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค และน้ำ เพื่อการเกษตร เนื่องจากแม่น้ำวังบริเวณนี้แห้งขอดลง ขณะนี้เป็นสันดอนทราย ทำให้ชาวบ้านใน จ.ตาก ได้ร้องขอให้ทาง จ.ลำปาง ปล่อยน้ำจากเขื่อนกิ่วลม อ.เมือง จ.ลำปาง ให้ส่งมาช่วยเหลือในพื้นที่ข้างต้นของ จ.ตาก
"ดังนั้น รองนายกรัฐมนตรีจึงได้สั่งการให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และกรมชลประทานลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ พร้อมหาแนวทางแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ทั้งในระยะเร่งด่วน และในระยะยาว เพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อย่างยั่งยืนต่อไป"
สถานการณ์น้ำในเขื่อนกิ่วลม อ.เมือง จ.ลำปาง ที่มีการบริหารจัดการร่วมกับเขื่อนกิ่วคอหมา อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง ปัจจุบัน (ณ วันที่ 29 มี.ค. 64) เขื่อนทั้ง 2 แห่ง มีน้ำใช้การรวมกันอยู่ที่ 105 ล้านลูกบาศ์กเมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 39 ของความจุ ปัจจุบันเขื่อนทั้งสองแห่ง ได้จัดสรรน้ำให้กิจกรรมการใช้น้ำครอบคลุมพื้นที่ 179,163 ไร่ในพื้นที่ จ.ลำปาง และจากข้อมูลการเพาะปลูกข้าวนาปรังรอบที่ 2 ของพื้นที่ใน จ.ลำปาง และ จ.ตาก พบว่า ปัจจุบันมีพื้นที่เพาะปลูกแล้ว 23,612 ไร่ ซึ่งมีความต้องการใช้น้ำรวมกันถึง 11.93 ล้านลูกบาศ์กเมตร
ส่วนพื้นที่นาข้าวบริเวณลุ่มน้ำวังตอนล่างที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ มีพื้นที่ประมาณ 1,660 ไร่ มีปริมาณความต้องการใช้น้ำประมาณ 0.83 ล้านลูกบาศ์กเมตร และเมื่อเร็วๆ นี้ ได้มอบหมายให้ นายสำเริง แสงภู่วงค์ รองเลขาธิการ สทนช. พร้อมด้วย ผู้อำนวยการ สทนช. ภาค 1 ลงพื้นที่ จ.ลำปาง เพื่อร่วมประชุมหารือกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ลุ่มน้ำวังตอนล่างร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนได้ข้อสรุปแนวทางการแก้ไขปัญหาในเบื้องต้น เป็น 2 ระยะ
ระยะเร่งด่วน ให้กรมชลประทานระบายน้ำจากเขื่อนกิ่วลม และเขื่อนกิ่วคอหมา จ.ลำปาง ให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่เพื่อช่วยเหลือพื้นที่ได้รับผลกระทบในลุ่มน้ำวังตอนล่าง และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดหาแหล่งน้ำต่างๆ ที่อยู่ใกล้เคียงช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยแล้งในพื้นที่ อ.สามเงา และ อ.บ้านตาก จ.ตาก รวมทั้งกำหนดแนวทางจัดสรรน้ำให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุนให้เพียงพอตลอดฤดูแล้ง ปี 2564 โดยจัดลำดับการใช้น้ำ เพื่อการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศเป็นอันดับแรก
ระยะยาว ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำวังตอนล่าง ประกอบด้วย 1.การพัฒนาโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยแม่ระวาน จ.ตาก 2.การขับเคลื่อนการศึกษาความเหมาะสมเบื้องต้น และศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการประตูระบายน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำวังตอนล่าง จำนวน 4 แห่ง 3.โครงการศึกษาความเหมาะสมเบื้องต้นการผันน้ำจากเขื่อนแม่ปิงตอนล่าง ลงสู่หนองตีนดอย และหนองชำ และหนองน้ำอื่นๆ ในพื้นที่ และ 4.การดำเนินการขุดลอกแก้มลิงที่ยังไม่ได้ดำเนินการ เช่น หนองแม่ล่าง หนองจระเข้ เพื่อเป็นจุดรองรับน้ำหลากในฤดูฝน
ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ในวันที่ 1 เม.ย.64 เลขาธิการ สทนช. ยังจะได้ร่วมกับกรมชลประทาน , จ.ลำปาง จัดประชุมคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัดลำปาง ครั้งที่ 2/2564 นัดพิเศษขึ้น โดยจะมี นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง และนายพงษ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ร่วมประชุมพร้อมกัน เพื่อร่วมกันพิจารณาแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำวังตอนล่างอย่างเร่งด่วน นอกจากนั้น เพื่อให้เป็นไปตามข้อสั่งการของ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี โดยในที่ประชุมจะได้พิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำวังในระยะยาว.
ฅนลำปางดอทคอม
**คืบหน้าเรื่องนี้..สรุปแล้วววว! มีมติปล่อยน้ำ "เขื่อนกิ่วลม" ช่วย อ.แม่พริก และ จ.ตาก เริ่มปล่อย 6 เม.ย.64
(ดูข่าวกดที่ลิงค์) https://www.konlampang.com/newsdetail.php?nID=2380