สังคม
-
กรมชลประทาน - ศึกษาความเหมาะสม โครงการนำร่อง อ.เมือง สบปราบ เถิน เพิ่มศักยภาพแหล่งน้ำ
วันจันทร์ ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2564 เวลา 21:46 น.กรมชลประทาน - ศึกษาความเหมาะสม โครงการนำร่อง อ.เมือง สบปราบ เถิน เพิ่มศักยภาพแหล่งน้ำ กรมชลประทาน เดินหน้า “โครงการศึกษาความเหมาะสม การปรับปรุงโครงการชลประทานขนาดกลาง ในเขต จ.ลำปาง” คัดเลือก 3 โครงการสำคัญนำร่อง หวังเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำ และแก้ไขปัญหาทั้งน้ำท่วม และภัยแล้งให้กับพี่น้องชาวลำปาง
นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า โครงการชลประทานขนาดกลางในเขต จ.ลำปาง ดำเนินการก่อสร้าง และบริหารจัดการน้ำในพื้นที่มาตั้งแต่ปี 2514 หรือกว่า 30 ปีแล้ว ทำให้อาคารหัวงานระบบชลประทาน และระบบระบายน้ำอยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรม ประกอบกับความต้องการใช้น้ำ เพื่อการเกษตรกรรม และภาคส่วนอื่น ๆ เปลี่ยนแปลงไป จำเป็นต้องศึกษาความเหมาะสม เพื่อพิจารณาปรับปรุงโครงการชลประทานขนาดกลาง ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ด้วยการรวบรวมข้อมูลพื้นฐานปัจจุบัน ตลอดจนความคิดเห็นที่มีต่อการพัฒนาโครงการ นำไปเป็นข้อมูลประกอบการจัดทำ “แผนหลักการปรับปรุงโครงการชลประทานขนาดกลาง” และ “คัดเลือกโครงการ เพื่อนำมาศึกษาความเหมาะสมปรับปรุงโครงการ” รวมไปถึงศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากการพัฒนา และปรับปรุงโครงการด้วย
การดำเนินงานได้แบ่งแผนงานเป็น 4 กลุ่มคือ 1.แผนงานซ่อมแซม ที่สามารถดำเนินการได้ทันทีตามแบบเดิม 2.แผนงานปรับปรุงที่ต้องวิเคราะห์ สำรวจ และออกแบบ 3.แผนงานศึกษาความเหมาะสม ที่ต้องศึกษาความเหมาะสมของโครงการ ทั้งด้านวิศวกรรม สิ่งแวดล้อม สังคมและเศรษฐศาสตร์ และออกแบบรายละเอียดโครงการก่อนการดำเนินการก่อสร้าง และ 4.แผนงานบริหารจัดการน้ำ ที่จะทำให้เกิดประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำ รวมทั้งการใช้งาน และบำรุงรักษาระบบชลประทาน โดยได้คัดเลือก 3 โครงการ จากโครงการชลประทานขนาดกลาง 30 โครงการ เพื่อนำมาศึกษาความเหมาะสมปรับปรุงโครงการ ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์โดยรวมในพื้นที่ลุ่มน้ำมากที่สุด ดังนี้
1.โครงการอ่างเก็บน้ำแม่ทะ บ้านผาลาด ต.พระบาท อ.เมือง อายุโครงการ 50 ปี ความจุเก็บกัก 2.54 ล้าน ลบ.ม. มีพื้นที่ชลประทาน 10,000 ไร่ มีแผนการปรับปรุงโดยการวางแนวท่อจากอ่างฯ ไปยังปากเหมืองของฝายทั้ง 7 แห่ง พร้อมขุดลอกอ่างเก็บน้ำ ก่อสร้างฝายดักตะกอนบริเวณพื้นที่เหนืออ่างเก็บน้ำ ปรับปรุงลดการรั่วซึมเขื่อน เพื่อเพิ่มระดับเก็บกักน้ำ การปรับปรุงอาคาร และระบบควบคุมการเปิด - ปิดประตูน้ำ การปรับปรุงแ ละติดตั้งเครื่องมือตรวจวัดพฤติกรรมเขื่อนพร้อมระบบรับ - ส่งข้อมูลอัตโนมัติ รวมถึงติดตั้งระบบโทรมาตร และจัดทำคู่มือการบริหารจัดการน้ำ
2.โครงการอ่างเก็บน้ำแม่ทาน บ้านแม่กัวะ ต.แม่กัวะ อ.สบปราบ อายุโครงการ 36 ปี ความจุเก็บกัก 14.90 ล้าน ลบ.ม. โครงการอ่างเก็บน้ำแม่ทานมีขนาดใหญ่ที่สุดในอำเภอสบปราบ พื้นที่ชลประทาน 12,000 ไร่ ได้วางแผนปรับปรุงเขื่อน และอ่างเก็บน้ำ ด้วยการขุดลอกอ่างเก็บน้ำ ก่อสร้างฝายดักตะกอนบริเวณพื้นที่เหนืออ่างเก็บน้ำ ปรับปรุงรถการรั่วซึมเขื่อน ปรับปรุงสันเขื่อน ปรับปรุงอาคาร และระบบควบคุมการเปิด - ปิดประตูน้ำ ปรับปรุง และติดตั้งเครื่องมือวัดพฤติกรรมเขื่อนพร้อมระบบรับ - ส่งข้อมูลอัตโนมัติ รวมถึงติดตั้งระบบโทรมาตร และจัดทำคู่มือการบริหารจัดการน้ำ ส่วนการปรับปรุงระบบชลประทาน และการเพิ่มน้ำต้นทุน อ่างเก็บน้ำแม่ทาน จะปรับปรุงคลองส่งน้ำฝั่งซ้าย พร้อมอาคารประกอบ และเพิ่มน้ำต้นทุน โดยการสูบน้ำจาก “แม่น้ำวัง” ไปเติมอ่างเก็บน้ำแม่ทาน ในช่วงเดือน ส.ค. - ต.ค.
3.โครงการอ่างเก็บน้ำแม่อาบ บ้านปากกอง ต.นาโป่ง อ.เถิน อายุโครงการ 36 ปี ความจุเก็บกัก 7.50 ล้าน ลบ.ม. เป็นโครงการอ่างเก็บน้ำขนาดกลางแห่งเดียวในอำเภอเถิน แต่ระบบส่งน้ำยังไม่ครอบคลุมพื้นที่รับประโยชน์ อีกทั้งระบบส่งน้ำรวมถึงฝายต่างๆ ชำรุด ทำให้ไม่สามารถทำการเพาะปลูกได้เต็มพื้นที่ ได้วางแผนปรับปรุงโครงการอ่างเก็บน้ำแม่อาบ ประกอบด้วย การขุดลอกอ่างเก็บน้ำ ก่อสร้างฝายดักตะกอนบริเวณพื้นที่เหนืออ่างเก็บน้ำ ศึกษาการเพิ่มระดับเก็บกักของอ่างเก็บน้ำ ปรับปรุงอาคาร และระบบควบคุมการเปิด - ปิดประตูน้ำ ปรับปรุง และติดตั้งเครื่องมือตรวจวัดพฤติกรรมเขื่อน พร้อมระบบรับ - ส่งข้อมูลอัตโนมัติ ติดตั้งระบบโทรมาตร และจัดทำคู่มือการบริหารจัดการน้ำ ส่วนการปรับปรุงระบบชลประทาน คือ วางท่อส่งน้ำจากอ่างเก็บน้ำแม่อาบ ไปปากเหมืองของฝายทุกแห่ง
ทั้งนี้ โครงการศึกษาความเหมาะสมการปรับปรุงโครงการชลประทานขนาดกลางในเขต จ.ลำปาง ได้ดำเนินการระหว่างวันที่ 8 มิ.ย. 2563 – 31 ส.ค. 2564 ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ คือ เขื่อนมีความมั่นคงมากขึ้น อ่างเก็บน้ำสามารถเก็บกักน้ำได้มากขึ้น มีระบบตรวจสอบความมั่นคงของเขื่อนทำให้สามารถติดตามตรวจวัด และเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ รวมทั้งใช้ประกอบการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทันต่อสถานการณ์ทั้งอุทกภัย และภัยแล้ง ขณะที่การปรับปรุงระบบส่งน้ำ จะทำให้การส่งน้ำมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ลดการสูญเสียน้ำ และระยะเวลาการส่งน้ำไปยังพื้นที่เพาะปลูก ทำให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปอย่างเต็มศักยภาพ ทั่วถึง และเป็นธรรม
ฅนลำปางดอทคอม